Monday, July 25, 2016

เล่าเรื่องเก่า โยงเรื่องใหม่ (ตอน ๖) - ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙


๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

ผู้ชมโปรดอ่าน : เล่าเรื่องเก่า โยงเรื่องใหม่ (ตอน ๖)

 

ผู้เขียนตั้งใจทำหนังสือพระสมเด็จกรุวัดกัลยาณมิตรตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๖

ตอนได้พบพระกรุนี้เป็นครั้งแรกที่ตลาดพระพญาไม้ คนขายพระบอกว่าเป็นพระที่แตกกรุมานานแล้วจากวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ที่นั่นมีวัดเกี่ยวข้องกับสมเด็จโตอยู่สองวัด วัดแรกคือวัดกลางคลองข่อยที่สมเด็จโตไปสร้างพระยืนองค์ใหญ่ไว้ อีกวัดคือวัดเกาะที่มีพระหลวงปู่ภูไปบรรจุกรุไว้

ปรากฏว่าไม่ใช่ทั้งสองวัด คนขายพระจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ตัวเมืองราชบุรี

พระกรุนี้มีคราบกรุลักษณะกรุแห้งที่น้ำท่วมไม่ถึง องค์พระงามด้วยพิมพ์ทรงเดียวกับพระสมเด็จบางขุนพรหมครบทุกพิมพ์ทั้ง ๙ พิมพ์นิยมและพิมพ์ไสยาสน์ที่หายาก มีทั้งแบบลงรักปิดทองและแบบธรรมดา พิมพ์ไสยาสน์มีแผงพระขายให้ลูกค้าในราคา ๕๐,๐๐๐ บาทโดยบอกว่าเป็นของกรุเจดีย์เล็กวัดใหม่อมตรส ซึ่งไม่น่าแปลกเพราะพิมพ์ทรงเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นรักกับคราบกรุ

ต่อมาผู้เขียนพบพระพิมพ์นี้ที่ตลาดพระอ.ต.ก.ข้างวัดไผ่ตัน เป็นพระพิมพ์เดียวกันแต่เนื้อหาดูดีกว่า อาจเป็นเพราะคนขายที่รู้จักผู้เขียนมานานมีวิธีล้างพระให้ดูดีมาก ๆ ตนขายที่ผู้เขียนยกย่องให้เป็นอาจารย์เพราะอายุมากและคร่ำหวอดกับการสะสมพระมานาน อาจารย์ท่านนั้นบอกว่าได้พระมาจากอดีตมหาเปรียญ ๗ ประโยคที่เคยบวชอยู่วัดระฆังและคุ้นเคยกับพระผู้ใหญ่ในวัดอินทร์กับวัดใหม่อมตรสเป็นอย่างดี เคยไปช่วยกดพิมพ์สร้างพระและร่วมในพิธีปลุกเสกพระหลายต่อหลายรุ่น

อดีตมหาบอกว่าพระชุดนี้มาจากกรุในองค์พระศรีอริยเมตไตรย์หรือพระยืนองค์ใหญ่ที่วัดอินทร์ เข้ากันได้กับที่ตรียัมปวายเขียนไว้ว่ามีการบรรจุพระสมเด็จโตไว้ในพระยืนวัดอินทร์ ความที่เป็นพระยืนที่สูงที่สุดทำให้น้ำท่วมกรุงเทพปี ๒๔๘๕ ท่วมไม่ถึง เข้ากับคราบกรุที่เป็นกรุแห้ง

ข้อมูลจากสายวัดอินทร์หนักแน่นกว่าวัดทางราชบุรีที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อวัดทำให้ผู้เขียนตั้งชื่อหนังสือว่า พระสมเด็จกรุบางขุนพรหมนอก ซึ่งไม่ผิดกติกาอันใดเพราะวัดอินทรวิหารมีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันสมัยก่อนว่าวัดบางขุนพรหมนอก คู่กับวัดใหม่อมตรสที่เรียกว่าวัดบางขุนพรหมใน

อ้อ ทั้งสองวัดนี้ไม่ได้เป็นวัดเดียวกันมาก่อนจนกระทั่งมีการตัดถนนวิสุทธิกษัตริย์ เพราะทั้งสองวัดมีประวัติชัดเจนว่าสร้างในสมัยปลายอยุธยาวัดหนึ่งและสมัยกรุงธนบุรีอีกวัดหนึ่ง ส่วนถนนวิสุทธิกษัตริย์สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ คนละเรื่องกับที่มีคนเขียนลงในประวัติวัดแล้วลอกต่อ ๆ กันไป

ผู้เขียนประทับใจในเนื้อหาและพิมพ์ทรงมาก เชื่อว่าพิมพ์ใช่เนื้อถึงยุคสมเด็จโต ตั้งใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระกรุนี้เป็นเล่มแรก แซงหน้าหนังสือพระหลวงปู่นาคหลวงปู่หิน หลวงตาพันพลวงปู่ลำภูที่ตั้งใจไว้ หนังสือเขียนเสร็จแล้วรอแค่ถ่ายรูปพระให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดถึงสองเหตุการณ์

เหตุการณ์แรกคือมีคนโพสต์ภาพพระกรุนี้ในเน็ตแล้วบอกว่าเป็นพระมาจากวัดกัลยาณมิตรที่อยู่ไม่ไกลจากวัดระฆัง ตอนนั้นผู้เขียนประหลาดใจเหมือนกันที่ไม่เคยได้ข่าวพระกรุนี้มาก่อน สงสัยเหมือนกันว่าทำไมพระชุดเดียวกันถึงมีที่มาได้หลายแห่ง วัดกัลยาณมิตรอยู่ฝั่งธนบุรี วัดอินทร์อยู่ฝั่งกรุงเทพ ส่วนวัดไม่ทราบชื่ออยู่ราชบุรี

เป็นไปได้อย่างไรที่พระสภาพเดียวกันทั้งเนื้อและพิมพ์จะมีที่มาแตกต่างกันคนละทิศคนละทาง กรุวัดกัลยาณมิตรมีข้อกังขาที่อยู่ริมแม่น้ำแต่คราบกรุเป็นแบบกรุแห้ง ข้อมูลการบรรจุกรุไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนสร้าง กรุวัดอินทร์มีเขียนไว้ในหนังสือพระยุคก่อนว่ามีการนำไปบรรจุไว้ในองค์พระยืน ส่วนวัดในตัวเมืองราชบุรีไม่มีข้อมูลสนับสนุน

ผู้เขียนจึงตกลงเรียกพระกรุนี้ว่าพระสมเด็จบางขุนพรหมนอก เพราะมั่นใจในที่มาจากวัดอินทรวิหารมากกว่าอีกสองวัด

ถ้าเหตุการณ์แรกทำให้ประหลาดใจ เหตุการณ์หลังทำให้ผู้เขียนถึงกับช็อก คือมีคนมาบอกว่าพระชุดนี้ไม่แท้

ทำให้ผู้เขียนอดคิดไปถึงตอนเพื่อนส่งผู้เชี่ยวชาญสองท่านมาที่บริษัทแล้วลงความเห็นว่าพระบูชากับพระเครื่องของผู้เขียนเก๊หมดตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว

คนที่มาทักเป็นอาจารย์ที่ผู้เขียนนับถือ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพระเครื่องแต่มีความสามารถพิเศษ ในอดีตเคยทำนายเหตุการณ์ในอนาคตได้แม่นยำจนมีคนตั้งฉายาว่า “ตาทิพย์” อาจารย์ไม่ได้บอกว่าพระไม่แท้ แต่จากการสัมผัสท่านบอกว่าไม่มีพลัง หมายความว่าไม่มีการนำเข้าพิธีปลุกเสกแต่อย่างไร

เป็นไปได้อย่างไรที่พระชุดนี้ไม่มีพลังพุทธานุภาพ พระสมเด็จมีทั้งผงวิเศษทั้งห้า มวลสารมงคล ตลอดจนปลุกเสกด้วยคาถาชินบัญชร พระตระกูลสมเด็จแม้ไม่ทันสมเด็จโตแต่ถ้ามีผงของท่านหรือใช้กรรมวิธีปลุกเสกแบบเดียวกัน ล้วนมีพุทธคุณให้สัมผัสได้ทั้งสิ้น แม้พลังพุทธานุภาพจะไม่เท่าสมเด็จโตก็ตาม

ผู้เขียนตัดสินใจเลิกล้มโครงการ เอาเรื่องกับรูปเก็บเข้าตู้

ความตั้งใจที่จะมีผลงานเป็นหนังสือพระที่ได้มาตรฐาน มีสาระ ต้องประสบกับความล้มเหลว เพราะแม้เนื้อหาและพิมพ์ทรงน่าจะอยู่ในยุคสมเด็จโต แต่จะมีผลงานเขียนถึงพระของท่านทั้งที หนังสือต้องเพียบพร้อม สมบูรณ์ และบริสุทธิ์ จะมีอะไรด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ เพราะหนังสือจะอยู่คู่วงการพระไปอีกนาน แม้คนเขียนจะหาชีวิตไม่แล้วก็ตาม

ผู้เขียนมารู้ทีหลังว่าพระชุดนี้มีนายทหารเรือใหญ่ระดับนายพลออกมายืนยันความเก่าถึงกับนำไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์กับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติและมีใบรับรองยืนยันว่าพระมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๔๐ ปี ผู้เขียนเคารพในเจตนาที่ไม่มีอะไรแอบแฝงของนายทหารเรือท่านนี้แม้โดยส่วนตัวไม่เคยเชื่อว่าการใช้คาร์บอน ๑๔ จะหาอายุพระสมเด็จที่อายุเพียงร้อยปีเศษได้ คงเป็นความตั้งใจดีของท่านในการแนะนำพระสมเด็จกรุนี้ให้เป็นทางเลือกให้ผู้ศรัทธาได้เช่าบูชาในราคาไม่แพง

เป็นเรื่องน่าแปลกทีเดียวที่พระชุดนี้มีความเก่าที่เห็นได้ชัด พิมพ์ทรงที่ถูกต้องตามพิมพ์นิยมของพระสมเด็จโต มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสร้างในยุคสมเด็จโตยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นพระไม่มีพลัง ไม่มีพุทธานุภาพที่จะปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ได้

วงการพระเครื่องสายพุทธพาณิชย์ย้ำนักย้ำหนาว่าการเช่าพระต้องดูพิมพ์ทรงเป็นหลัก เนื้อหาเป็นรอง ส่วนการจับพลังพระเป็นสิ่งหลอกลวง แต่สำหรับผู้เขียน พิมพ์ทรงและเนื้อหาเป็นเพียงการรับรู้ของอายนตะทางจักษุ ยังมีอายตนะอื่นโดยเฉพาะอายตนะที่หกที่สามารถเข้าถึงพลังพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณได้ เพราะเป็นอายตนะของ “ใจ” เป็นความสามารถเฉพาะตัว รับรู้ได้ด้วยตนเอง

จะทำหนังสือพระสมเด็จทั้งทีต้องครบถ้วน ไม่หลอกลวงคนอ่าน ข้อสำคัญคือไม่หลอกตัวเอง หนังสือดีต้องดีทุกด้าน

 

............................................... จบตอน ๖

No comments:

Post a Comment