๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙
ผู้ชมโปรดอ่าน : เล่าเรื่องเก่า โยงเรื่องใหม่
(ตอนที่ ๗)
เรื่องเก่าล่าสุดก่อนจะโยงถึงเรื่องใหม่
คือการสอนให้ดูพระสมเด็จ
หลังจากความพยายามของเซียนพระกลุ่มหนึ่งบรรลุผล
สามารถตั้งสมาคมพระเครื่องได้เป็นผลสำเร็จ วงการพระเครื่องก็พุ่งทะยานเหมือนรถแข่งออกจุดสตาร์ท
มีการนำเทคนิคการบริหารจัดการเข้าไปจัดองค์กรของสมาคม
เปลี่ยนการรวมตัวกระจัดกระจายของคนในวงการพระเครื่องที่รบแบบกองโจรให้เป็นกองทัพ
ตั้งแม่ทัพในสายพระเครื่องประเภทต่าง ๆ สถาปนาอาณาจักรพระเครื่องอันเกรียงไกร ณ ศูนย์การค้าชานเมืองแห่งหนึ่ง
ไม่ผิดอะไรกับความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่
จักรพรรดิอันเกรียงไกร และกองทัพที่รบชนะไปทุกทิศทุกทาง
จากนั้นก็สร้างความเป็นปึกแผ่นโดยการนำเทคนิคการตลาดมาใช้กับธุรกิจพระเครื่อง
นั่นคือการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง เพราะสูตรการตลาดบอกว่าถ้าสร้างแบรนด์ได้สำเร็จ
สิ่งที่ตามมาคือความภักดีต่อแบรนด์ (Brand
Royalty) ลูกค้าจะไม่ไปไหน ซื้อสินค้าจากแบรนด์เดียวโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทใด
เราจึงได้เห็นเซียนพระโปรโมทตัวเองจากสายพระเครื่องที่ชำนาญพระประเภทเดียวเป็นพิเศษ
มาเป็นผู้เชี่ยวชาญในพระทุกประเภท เซียนพระกรุเขียนหนังสือพระสมเด็จ
เซียนเหรียญขายพระเบญจภาคี เซียนสายสุพรรณขายพระทางเหนือ
เซียนกรุงเทพขายพระสายระยอง เซียนภาคกลางขายพระภาคใต้ และเซียนใต้ขายพระอีสาน
ดูง่าย ๆ
จากฉายาที่เซียนพระแต่ละคนตั้งให้กับตัวเอง กับพระที่เขาลงขายในอินเทอร์เน็ตหรือนิตยสารพระเครื่อง
จะเห็นว่าไปกันคนละทิศละทาง
เมื่อสายพุทธพาณิชย์ครองวงการพระเครื่อง
สิ่งที่เกิดคือราคาพระที่ถีบตัวทะยานขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีมากมาย
รวมทั้งเซียนพระแถวหน้าเห็นโอกาสกอบโกยเงินทองครั้งใหญ่
รายละเอียดและวิธีการที่เซียนพระเหล่านั้นใช้
ผู้เขียนเล่าให้ฟังแล้วในเว็บพระสมเด็จดอทเน็ต ท่านผู้อ่านที่สนใจไปหาอ่านได้
จากนั้นราคาพระทุกประเภทแพงขึ้นเป็นสิบเท่าในสิบปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะพระสมเด็จถูกโฆษณาชวนเชื่อจนองค์ท็อป ๆ ทะลุ ๕๐ ล้านบาท
ทะยานเข้าหาแนวต้านที่ ๑๐๐ ล้านบาทอยู่มะรอมมะร่อ
สิ่งที่ขาดหายไปอย่างน่าเสียดาย คือบรรยากาศการเล่นพระแบบเก่าที่เป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียง
ทุกวันนี้มีขบวนการปั่นหัวให้คนเล่นพระแบบหน้ามืดตามัว
ลืมนึกถึงความพอดีกับความพอเพียง กลายเป็นความละโมบและความหลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พระสมเด็จถูกสายพุทธพาณิชย์ขีดเส้นแบ่งให้มีแต่สองประเภท
พระราคาแพงเป็นล้านบาทขึ้นไปอยู่กับพวกเขา กับพระไม่แท้หรือไม่มีราคาอยู่ที่พวกเรา
เซียนพระที่หันมาขายพระสมเด็จ
จะแสวงหาพระที่ตัวเองคิดว่าแท้มาขายแพง ๆ
พระอื่นที่ไม่ใช่พระแพงแต่เป็นพระแท้ถูกลืมหมด ไม่สนใจที่จะค้นคว้าหาความรู้ว่า นอกจากพระสมเด็จราคาแพงที่ผู้เขียนเรียกว่ายุคสามแล้ว
ยังมีพระที่สมเด็จโตสร้างไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งยุคแรกและยุคสอง
และหลังพระยุคสามของหลวงวิจารณ์
ยังมีพระยุคสี่ที่สร้างในยุคหลักสมเด็จโตทั้งที่วัดระฆังและวัดอื่นมากมาย
พอพระสมเด็จของเซียนพระที่มีแบรนด์ของตัวเองแพงขึ้น
และพระสมเด็จตามแผงพระกลายเป็นพระไม่แท้หรือไม่มีราคา
คนที่เริ่มเล่นพระก็เบื่อหน่าย ไม่อยากดูพระสมเด็จ
หันไปเล่นพระประเภทเหรียญหรือพระใหม่ เพราะเหรียญดูง่ายกว่าและพระใหม่มีแต่พระแท้
สายพุทธพาณิชย์ก็ปรับตัวตาม เริ่มจบการโปรโมทพระใหม่อย่างใหม่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ท่านผู้อ่านสังเกตไหมว่าเดี๋ยวนี้
ความคิดสร้างพระไม่ได้เริ่มต้นที่วัด ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อหรือลูกศิษย์ หากแต่เป็นคนนอกที่เป็นนักลงทุน
ลองค้นจากกูเกิ้ลในหัวเรื่องธุรกิจพระเครื่องดูสิครับ
จะเห็นคนโพสต์วิธีทำมาหากินกับการสร้างพระ วิเคราะห์การลงทุนและค่าใช้จ่ายในการค้าเป็นการอย่างละเอียด
ที่น่าตกใจคือต้นทุนสร้างพระแต่ละรุ่นไม่เท่าไหร่
แต่ไปแพงที่ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งมีถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ของราคาขายทีเดียว
ผู้เขียนเองได้แต่เตือนไว้ในบทความของเว็บนี้
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
เพียงแต่ผู้เขียนไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่อง เป็นคนนอกที่เรียกตัวเองเป็น “นักพระสมเด็จวิทยา” สนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับพระสมเด็จเท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งไปเจอคนขายพระที่ตลาดพญาไม้
แผงนี้มีพระพิมพ์สมเด็จให้เลือกชมเป็นพันองค์ การได้คุยและแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องพระสมเด็จกับคนขายทำให้ผู้เขียนได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นที่ผู้สนใจสะสมพระสมเด็จต้องรู้หลักการเบื้องต้นในการศึกษาพระสมเด็จ
นั่นคือเริ่มต้นจากพระตระกูลสมเด็จที่เห็นทุกวันตามแผงพระทั่วไปโดยเปิดใจให้กว้างที่สุด
และเรียนรู้จากพระแต่ละองค์ด้วยแนวคิดที่เป็นระบบ
ถ้าเปรียบเทียบพระเนื้อผงตระกูลพระสมเด็จที่มีการสร้างทั้งหมดจากสมเด็จโตจนถึงปัจจุบัน
มีมากมายเหมือนพีระมิดกีซา พระสมเด็จวัดระฆังคือยอดพีระมิด ในขณะที่พระอื่น ๆ
ที่สร้างภายหลังคือฐานพีระมิดนั่นเอง
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ทำไมเราต้องศึกษาจากยอดพีระมิดลงมา
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพระสมเด็จวัดระฆังนอกจากแพงที่สุด หายากที่สุดแล้ว
ยังมีการทำปลอมเลียนแบบมากที่สุด มุมมองจากล่างขึ้นบนจะเห็นพระมากกว่า รู้จักพระตระกูลสมเด็จที่สร้างกันหลากหลายจากเกจิอาจารย์ตามวัดต่าง
ๆ เมื่อฝึกดูจนชำนาญและคุ้นกับพระระดับล่าง
ก็ไม่ยากที่จะเรียนรู้ในพระระดับบนขึ้นไป จนถึงยอดพีระมิด
ความคิดนี้ทำให้ผู้เขียนคิดหลักสูตรการเรียนรู้พระสมเด็จแบบเป็นขั้นเป็นตอน
โดยแบ่งเป็น ๔ ระดับ จากระดับเริ่มต้นหัดเล่นพระจนถึงระดับมืออาชีพ
เปรียบให้ฟังง่าย ๆ ก็เหมือนกีฬากอล์ฟ เริ่มต้นจากหัดสวิงแต้มต่อสูง เมื่อเล่นเป็น
แต้มต่อจะลดเป็นระดับกลาง จนเป็นมือฉมังแต้มต่อตัวเดียว
และเป็นนักกอล์ฟอาชีพในที่สุด
การเรียนเป็นขั้นตอนมีเป้าหมายหรือรางวัลทุกขั้นตอน
จากระดับเริ่มต้นเป็นพระแท้ราคาไม่แพง
และรางวัลสำหรับระดับมืออาชีพคือพระสมเด็จวัดระฆังที่ทุกคนใฝ่หา
ผู้เขียนตั้งชื่อหลักสูตรว่า AmuletEZ เป็นการปักป้ายให้รู้ว่ามีหลักสูตรสอนดูพระเกิดขึ้นแล้ว
สอนฟรีให้กับท่านผู้อ่านที่สนใจ และสอนตามลำดับขั้นตอน จากง่ายไปหายาก
ไม่ใช่เรียนเสียเงินคอร์สเดียวเพียงวันสองวันก็กลายเป็นผู้รู้ดูพระสมเด็จได้
ระดับแรกที่สอนคือการปูพื้นฐานในการดูพระสมเด็จเบื้องต้น
แบ่งเป็น ๒ ภาคคือ ภาคทฤษฎีเกี่ยวกับหลักการและที่มาของพื้นฐานทั้ง ๗
และภาคปฏิบัติที่เป็นการนำองค์จริง ๑๐ องค์มาเป็นตัวอย่าง
และให้ท่านผู้อ่านพิจารณาตามด้วยตัวเองควบคู่กันไป
พื้นฐานทั้ง ๗
สามารถนำมาใช้พิจารณาพระพิมพ์สมเด็จที่เห็นตามแผงพระ
และเป็นกติกาในการดูพระสมเด็จอย่างเป็นธรรม
ไม่ใช่เห็นปุ๊บ บอกเก๊ปั๊บ
เป็นการพิจารณาทีละข้อตามหลักการทั้ง
๗ แต่เมื่อหลักการใดไม่ผ่าน ยังให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งไม่ผ่านสองครั้งจึงถือว่าพระองค์นั้นไม่ผ่านการพิจารณาของผู้วิเคราะห์
ผู้เขียนอธิบายภาคทฤษฎีครบถ้วน
และกำลังเริ่มในภาคปฏิบัติ
ก็บังเอิญเกิดเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ต้องหยุดสอนกลางคัน
********************************
จบตอน ๗ *********************************
No comments:
Post a Comment