๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙
ผู้ชมโปรดอ่าน : เล่าเรื่องเก่า โยงเรื่องใหม่
(ตอนที่ ๘)
เหตุการณ์บางอย่างในชีวิตเหมือนมีคนกำหนดหรือกำกับอยู่หลังฉาก
บางครั้งผู้โลดแล่นบนเวทีอาจนอกบทตามใจปรารถนา เพราะเป็นชีวิตจริงไม่ใช่ละครหรือหนัง
แต่หลายครั้งที่สุดท้ายต้องเล่นตามบทจนได้
บทละครหรือหนังชีวิต
บางคนตั้งชื่อให้ไพเราะเพราะพริ้งว่า “กรรมบันดาล” หรือ “บุญจัดสรร”
เพียงแต่ไม่ใช่ “พรหมลิขิต” ที่เล่นตามบทเหมือนหุ่นยนต์หรือเปิดเทป
เรื่องใหม่ที่จะเล่าให้ฟังเกิดขึ้นตอนปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ระหว่างผู้เขียนกำลังสนุกสนานกับการอธิบายภาคปฏิบัติของการสอนให้ดูพระสมเด็จเป็นอย่างง่าย
ๆ
ผู้เขียนไปพบพระสมเด็จเข้า ทำให้ต้องหยุดเขียนอย่างกะทันหัน
ไม่ใช่แค่องค์สององค์
แต่เห็นเป็นกล่อง
ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เขียนเห็นพระสมเด็จมีคราบกรุที่คนขายอ้างว่าเป็นพระสมเด็จกรุเจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหมใน
หรือวัดใหม่อมตรสในปัจจุบัน พระที่เห็นไม่ใช่องค์เดียว มีเต็มกล่อง
พระสมเด็จทุกองค์มีตรายางประทับด้านหลัง มีองค์เลื่อมทองจับขอบที่มีพิมพ์แบบเดียวกับพระสมเด็จบางขุนพรหมในหนังสือ
และมีเนื้อที่เก่าพอ เพียงแต่ตรายางเท่านั้นที่ไม่ใช่ตรายางที่เห็นกันทั่วไป
ทั้งพระสมเด็จของเซียนพระตามหนังสือ หรือพระไม่แท้ที่มีตรายางอีกแบบหนึ่ง
ผู้เขียนนำพระองค์นี้มาวิเคราะห์เรื่องตรายางหลังพระสมเด็จบางขุนพรหมในบทความเดิมของเว็บนี้
พร้อมทั้งทิ้งท้ายไว้ว่า
เป็นไปได้ไหมว่าพระแท้แต่ตรายางไม่แท้
โชคดีที่พระสมเด็จชุดใหม่นี้ไม่มีตรายาง
มีแต่เนื้อและพิมพ์ที่ยากปฏิเสธได้ เพราะเนื้อถึงยุค พิมพ์ถึงสมเด็จโต
พระชุดนี้มากับเรื่องเล่าที่เหมือนนิยาย
ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเหลือเชื่อ
เป็นเรื่องเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์เบื้องหลังการลอบขุดเจาะพระกรุถึงสองครั้ง
ครั้งแรกไม่มีคนรู้เพราะคนขโมยไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้
เจดีย์อยู่ในสภาพเดิมไม่มีร่องรอยการขุดเจาะ ทางวัดได้แต่สันนิษฐานว่ามีคนเข้ามาขโมยขุดแต่ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
ไม่เหมือนครั้งที่สองที่คนร้ายเจาะผนังเจดีย์เป็นโพรงแล้วมุดเข้าไปเอาพระออกไปจำนวนมาก
มิน่าเล่า
ตอนเปิดกรุเป็นทางการ จึงเหลือแต่พระสมบูรณ์ให้เช่าเพียง ๒,๙๕๐ องค์ องค์สวย ๆ
ก่อนหน้านั้นถูกขโมยออกไปจนหมด
จากตกใจเรื่องเล่าก็แปลกใจกับพระสมเด็จที่เห็น
เพราะหลายต่อหลายพิมพ์ไม่ใช่พิมพ์บางขุนพรหมที่คุ้นเคยมาก่อน
โดยเฉพาะพิมพ์ใหญ่ที่มีมากที่สุดและหลายองค์ ไม่ใช่พิมพ์ใหญ่บางขุนพรหม
แต่เป็นพิมพ์ใหญ่วัดระฆังที่ไม่มีกรอบกระจกหรือกรอบบังคับพิมพ์
ความจริงพระสมเด็จวัดระฆังที่ไม่มีกรอบกระจกไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะผู้เขียนตั้งชื่อเป็นพระยุคสองก่อนหลวงวิจารณ์เจียรนัย
นำกรอบกระจกมาใช้กับการแกะพระสมเด็จให้มีขนาดเล็กลง และมีความสวยงามมากขึ้น
พระสมเด็จบางขุนพรหมหลังตรายางที่ผู้เขียนเห็นเป็นกล่องก็ไม่มีกรอบกระจกเหมือนกัน
แต่พอดูเนื้อและคราบกรุแล้วปรากฏว่าไม่ใช่ ทำขึ้นภายหลังแน่นอน
พระสมเด็จบางขุนพรหมที่ผู้เขียนเห็นเป็นครั้งแรกจึงไม่ผ่านการพิจารณา ไม่ใช่พระแท้
มีแต่องค์เลี่ยมทองเท่านั้นที่ยังกังขาในใจว่าแท้ไม่แท้
พระสมเด็จชุดนี้แปลก
ดูแล้วมีคำถามหลายอย่างผุดขึ้นในใจ
ประการแรก
เป็นไปได้หรือที่จะมีพระสมเด็จให้เห็นจำนวนมากแบบนี้
อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง
ผู้เขียนเป็นคนประเภทคิดบวก สันนิษฐานว่าแท้ไว้ก่อนจนกว่าจะพิสูจน์เป็นอื่น
ต่างกับคนเล่นพระทั่วไปโดนเฉพาะสายพุทธพาณิชย์ที่มีอคติกับพระทุกองค์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ติเก๊ไว้ก่อน แท้ไม่แท้ค่อยว่ากันทีหลัง สำหรับผู้เขียนผ่านการเช่าบูชาพระเป็นกล่องมาก่อน
เข้าใจดีว่าในโลกแห่งพระเครื่องไม่มีใครรู้จริง ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าเป็นพระแท้ เพราะทั้งเนื้อและพิมพ์ถูกต้องหมด
ประการสอง
ทำไมพิมพ์ใหญ่มีแต่พิมพ์วัดระฆัง พิมพ์บางขุนพรหมหายไปไหนหมด
คำตอบมาจากคนให้ข้อมูลที่เล่าให้ฟังว่า
พระที่ถูกขโมยมาเป็นพระอยู่ข้างบนเป็นกอง ๆ
ไม่ได้เกาะแน่นจับตัวเป็นก้อนแบบพระสมเด็จที่อยู่ล่าง ๆ
ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
คือเป็นพระวัดระฆังที่นำมาบรรจุกรุเพิ่มเติมหลังจากเสมียนตราด้วงบรรจุพระสมเด็จบางขุนพรหมในชั้นล่าง
ๆ จนครบแล้ว และไม่ใช่จะมีแต่พระสมเด็จวัดระฆัง
ยังมีพระจากวัดอื่นที่มีความใกล้ชิด เช่นพระของหลวงปู่ภูวัดอินทร์
และพระพุทธุปบาทปิลันทน์เนื้อขาวรวมอยู่ด้วย
ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริง
แสดงว่าพระที่บรรจุในกรุเจดีย์ใหญ่มีมากกว่าพระที่เสมียนตราด้วงสร้าง
พระในกรุต้องมีจำนวนมากกว่า ๘๔,๐๐๐ องค์ที่เชื่อกันมาตลอด
ประการที่สาม
ทำไมสภาพพระมีทั้งคราบกรุน้อยมาก ไปจนถึงคราบกรุมากแทบไม่เหมือนองค์พระ
แสดงว่าสภาพคราบกรุไม่ได้บ่งถึงระยะเวลาที่อยู่ในกรุ
คำจำกัดความของ “กรุเก่า” “กรุใหม่” ก็ไม่เป็นจริง เพราะแต่เดิมเข้าใจกันว่า “กรุเก่า”
คือพระสมเด็จที่ออกจากกรุก่อนมีคราบกรุน้อย “กรุใหม่”
คือพระสมเด็จที่ออกจากกรุทีหลังตอนเปิดกรุ
มีคราบกรุมากเพราะผ่านกาลเวลาและน้ำท่วมใหญ่
พระชุดนี้มีทั้งคราบกรุน้อยและคราบกรุมาก
ตรงกันข้ามกับความเข้าใจแต่ดั้งเดิม
ประการสุดท้าย
“พระสองคลอง” หมายถึงพระสมเด็จยุคสามซึ่งเป็นพิมพ์สวยงามของหลวงวิจารณ์ที่นำมาบรรจุในเจดีย์ใหญ่บางขุนพรหม
พระสมเด็จที่เห็นเป็นพระยุคสองไม่ใช่พิมพ์หลวงวิจารณ์ คือเป็น “พระสองคลอง” หรือไม่
การมาปรากฏตัวของพระยุคสองในกรุบางขุนพรหม
เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพระสมเด็จยุคสองมีจริง และมีอยู่ในกรุบางขุนพรหมเช่นเดียวกับพระสมเด็จยุคสาม
สายพุทธพาณิชย์คงไม่ชอบใจนักที่พระชุดนี้อาจเป็นหลักฐานพิสูจน์ความเป็นมาของพระสมเด็จยุคสองว่ามีจริง
และสมควรได้รับการยอมรับว่าเป็นพระที่สมเด็จโตเป็นคนสร้าง
การยอมรับจะทำไปสู่การปฏิเสธสิ่งที่สายพุทธพาณิชย์พยายามกรอกหูว่า พระสมเด็จมีน้อย
วงการพระเครื่องจะมีพระสมเด็จจำนวนมากที่มีเนื้อหาและพิมพ์ทรงเดียวกันกับพระชุดนี้ให้เล่นหาอีกจำนวนมากมาย
วงการพระเครื่องจะไม่เงียบเหงา
สายอนุรักษ์นิยมที่พยายามให้ความรู้เรื่องพระสมเด็จพิมพ์ไม่นิยม
จะได้มีพันธมิตรในการให้ความรู้แก่นักเล่นพระรุ่นใหม่ว่าพระสมเด็จยุคสองมีจริง
และสมควรได้รับการยอมรับ
******************************** จบตอน ๘
*********************************
No comments:
Post a Comment