Monday, July 25, 2016

เล่าเรื่องเก่าโยงเรื่องใหม่ (ตอน ๑) - ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙


๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙

ผู้ชมโปรดอ่าน : เล่าเรื่องเก่าโยงเรื่องใหม่ (ตอน ๑)

ไม่ได้พบกันหลายเดือนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังให้ท่านผู้อ่านมีความสุขทั้งกายทั้งใจตลอดปีใหม่ ๒๕๕๙ นี้

การทำเว็บพระเครื่องเชิงวิชาการไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ทำต้องมีใจรัก

ผู้เขียนทำเว็บ พระสมเด็จดอทเน็ต ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ก็เพราะมีความรักในพระสมเด็จและศรัทธาในองค์สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ต้องการเผยแพร่กิตติคุณและอัจฉริยภาพของท่านในฐานะเกจิอาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดในยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ผลงานของท่านมีให้เห็นมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดคือพระผงพิมพ์สี่เหลี่ยมชิ้นฟักที่สวยที่สุดและเป็นสุดยอดปรารถนาที่สุดสำหรับผู้สนใจสะสมพระเครื่อง

ถ้านับเวลาที่ได้เป็นเจ้าของพระของท่านเป็นองค์แรกจนถึงปัจจุบันก็เกิน ๒๐ ปีแล้ว

พระสมเด็จองค์แรกของผู้เขียนคือพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ปรกโพธิ์ที่แปลกกว่าทั่วไป คือพระมีความหนาเท่ากับพระสมเด็จสององค์ซ้อนกัน องค์พระเป็นพิมพ์เกศบัวตูมที่ไม่เคยปรากฏในหนังสือเล่มใด แถมพระยังถูกฝนกรอบบนจนถึงซุ้ม ทำให้ฝังใจอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่เราจะได้พระสมเด็จแบบเต็มองค์บ้าง

ความสนใจกลายเป็นความอยากรู้ ยังหาพระของท่านไม่ได้ก็ลองหาพระตระกูลสมเด็จอื่น ๆ ดู พี่เลี้ยงคนที่ให้พระปรกโพธิ์ก็พาไปตระเวนเช่าพระตามที่ต่าง ๆ จนเริ่มคุ้นกับพระประเภทอื่นทั้งว่าน ดิน ชิน ผง

สมัยนั้นพระดี ๆ ที่เป็นพระกรุพระเก่ายังหาได้ตามแผงพระทั่วไป ความตื่นเต้นทวีคูณเมื่อพี่เลี้ยงจับพระกรุพระเก่าได้ในราคาหลักร้อยหลักพัน มีทั้งพระเบญจภาคี พระปิดตา เหรียญ พระกริ่ง พระรูปหล่อ สารพัดไปทุกประเภทรวมทั้งพระบูชาขนาดต่าง ๆ

พอได้พระเป็นสมบัติต่อมอยากรู้ก็ทำงาน คำอธิบายจากพี่เลี้ยงอย่างเดียวไม่พอ ต้องหาความรู้เพิ่มจากหนังสือและนิตยสารพระเครื่อง หาซื้อให้หมดทั้งเก่าและใหม่เพื่อศึกษาเพิ่มเติม

แต่ถึงแม้จะได้ความรู้จากหนังสือที่อ่านและมีพระองค์จริงให้เปรียบเทียบ แต่ยังไม่เกิดความมั่นใจ ไม่กล้าเดินแผงจับพระขึ้นส่องด้วยตัวเอง ต้องอาศัยตาพี่เลี้ยงเป็นคนดูให้ จนกระทั่งคิดว่าเริ่มรู้และมีความมั่นใจมากขึ้น ศัพท์ในยุคนั้นคืออินทรีย์แก่กล้า จึงเริ่มเดินตามแผงจับพระขึ้นส่องต่อรองราคาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังอาศัยพี่เลี้ยงอยู่ดี

ต่อมาได้พระจากแหล่งของเพื่อนพี่ชายที่สะสมมานาน ประเภทมือเก่าที่ไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่อง แต่เปิดร้านทองขายตลับพระ จึงมีพระผ่านตาตอนเลี่ยมให้ลูกค้ามากมาย

เช่าพระอย่างสนุกสนานมาหลายปีทั้งพระเครื่องพระบูชาจนมาถึงจุดหักเหที่สำคัญที่สุด

นั่นคือมีเพื่อนผู้หวังดีเป็นห่วงขึ้นมา วันหนึ่งเพื่อนคนนี้ส่งผู้เชี่ยวชาญสองคนมาดูพระของผู้เขียนถึงที่ทำงานโดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า คนหนึ่งเชี่ยวชาญพระบูชาระดับอาจารย์ อีกคนชำนายเรื่องพระเครื่อง

ผลสรุปก็คือพระของผู้เขียนเก๊หมดทั้งพระเครื่องพระบูชา

ตอนนั้นผู้เขียนคิดว่าตัวเองพอมีความรู้อยู่บ้าง ยังเชื่อใจในแหล่งที่ได้พระมาถึงกับโต้แย้งในใจต่อคำตัดสิน แต่ใจมันฝ่อจิตก็ตก เพราะผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่านรู้จริงและไม่ใช่คนขายพระเป็นอาชีพ ผู้เขียนจึงเชื่อว่าความเห็นทั้งสองท่านไม่มีอะไรแอบแฝง

ผู้เขียนมีสองทางเลือก

ทางหนึ่งคือเลิกเล่นพระ สาปส่งวงการพระเครื่องไปเลย

อีกทางคือเอาใหม่ สู้กันใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งแบบไม่เชื่อใครอีกแล้ว ศึกษาด้วยตนเองให้รู้จริง

ท่านผู้อ่านคงเดาได้ว่าผู้เขียนเลือกทางไหน เพราะถ้าเลือกทางแรก ทุกวันนี้คงไม่มีเว็บพระสมเด็จดอทเน็ตแล้ว

เมื่อศึกษาต้องเอาจริงให้รู้จริง ความที่ไม่มีใครเป็นอาจารย์ทำให้ต้องลองเองทุกเรื่อง ใช้วิธีครูพักลักจำอย่างเดียวไม่พอ เพราะบางครั้งครูก็ยังเชื่อไม่ได้ ต้องทดลองให้กระจ่างชัดค่อยเชื่อ

ฉะนั้นมาถึงจุดนี้ก็เกือบ ๒๐ ปีแล้วที่ผู้เขียนลองมาทุกอย่างกับพระทุกประเภท ล้างพระด้วยสารพัดน้ำยา อบพระหรือแม้แต่เอาเข้าเตาเผาพลอยก็ทำมาแล้ว ไม่เชื่อแล้วทั้งพี่เลี้ยงหรือเพื่อนพี่ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาตลอด

ดังนั้นที่ผู้เขียนจั่วหัวไว้ใน สารพันมุ่งหมาย ของเว็บพระเครื่องดอทเน็ตให้ท่านผู้อ่านเข้าใจแต่ต้นว่าผู้เขียนศึกษาพระเครื่องแบบเอกเทศ

-          ไม่ใช่คนในวงการ

-          ไม่ยุ่งเกี่ยวกับค่ายไหน ศูนย์ใด

-          วิเคราะห์ตามสะดวก

-          วิจารณ์ตามข้อเท็จจริง

ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้เขียนปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้

(จบตอน ๑)

************************************

No comments:

Post a Comment