๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
ผู้ชมโปรดอ่าน : เล่าเรื่องเก่าโยงเรื่องใหม่ (ตอน ๑๑)
ความลับที่จะเล่าให้ฟังอันดับแรกคือ
พระสมเด็จยุคสองมีจริง
พระสมเด็จไม่ใช่พระประเภทเหรียญที่มีข้อความระบุถึงเกจิอาจารย์
วัด จุดประสงค์และวันเดือนปีที่สร้าง ยุคของพระสมเด็จต้องอ้างอิงตำราเก่า ๆ
ที่เขียนแต่ครั้งโบราณ
โยงไปหาประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาที่สมเด็จพุฒาจารย์ (โต
พรหมรังสี) ยังมีชีวิตอยู่
พระสมเด็จยุคสองคือพระช่วงแรกที่สมเด็จโตคิดค้นศิลปะของพิมพ์พระสมเด็จเป็นคนแรกที่วัดระฆัง
ก่อนพระสมเด็จอรหังที่สร้างขึ้นภายหลัง
เป็นพิมพ์ที่หย่อนสวยจากการใช้ช่างชาวบ้านแถว ๆ วัด ซึ่งน่าจะเป็นบ้านช่างหล่อ
จากนั้นค่อยมีช่างหลวงเช่นหลวงวิจิตรนิรมลหรือหลวงสิทธิการมาช่วยทำให้พิมพ์ทรงสวยงามขึ้น
ส่วนหลวงวิจารณ์เจียรนัยมาช่วยปรับปรุงพิมพ์เป็นคนสุดท้ายและได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงทั้งเนื้อหาและพิมพ์ทรงของพระสมเด็จ
กล่าวคือ การแนะนำให้ใช้น้ำมันตังอิ้วเป็นสารเกาะยึดแทนน้ำอ้อยน้ำผึ้ง
และการนำกรอบบังคับพิมพ์ที่เรียกว่า “กรอบกระจก”
มาบังคับให้พระมีขนาดเล็กลงและมีสัดส่วนสวยงามเพิ่มขึ้น
ผู้เขียนแยกพิมพ์หลวงวิจารณ์เป็นพระสมเด็จยุคสามเพื่อบ่งถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างกับช่างอื่น
และเพื่อสอดคล้องกับพระสมเด็จพิมพ์นิยมที่เช่าบูชากันแพง ๆ ในปัจจุบัน
ฉะนั้น
พระสมเด็จยุคสองคือพระสมเด็จที่สมเด็จโตสร้างที่วัดระฆัง
แต่เป็นฝีมือช่างอื่นที่ไม่ใช่หลวงวิจารณ์เจียรนัย
ยกตัวอย่างพระสมเด็จที่ลงในหน้า ๕
ของหนังสือพิมพ์หัวเขียวฉบับวันอาทิตย์เมื่อตอนต้นเดือนหรือแม้แต่ฉบับเมื่อวานนี้
ก็เป็นพระสมเด็จยุคสอง สังเกตได้จากพิมพ์ที่ไม่มีกรอบกระจก
และเส้นซุ้มซ้ายที่ไม่แตะกลางกรอบ
หนังสือพระสมเด็จที่วางขายกันเกร่อมีหลายต่อหลายองค์ที่เป็นพระสมเด็จยุคสอง
เพราะวงการพระเครื่องสายพุทธพาณิชย์เป็นแบบตัวใครตัวมัน
ใครเส้นใหญ่อิทธิพลเยอะเสียงก็ดัง พระยุคสองก็แท้ ส่วนพระยุคสองของคนอื่นไม่แท้หมด
ทั้งนี้เพราะไม่มีใครศึกษาอย่างจริงจังว่าพิมพ์หลวงวิจารณ์เจียรนัยมีเอกลักษณ์ประจำตัวอย่างไร
แตกต่างกับช่างหลวงอย่างหลวงวิจิตรนิรมลหรือหลวงสิทธิการตรงไหน
สายพุทธพาณิชย์เน้นแต่รายละเอียดปลีกย่อยซึ่งเป็นเหมือนอัตลักษณ์ของพิมพ์มากกว่าที่จะมองหาร่องรอยของศิลปะเชิงช่างซึ่งเป็นเหมือนลายเซ็นต์ของศิลปินแต่ละคน
สายอนุรักษ์นิยมพยายามให้ความรู้แก่ผู้สนใจเกี่ยวกับพระสมเด็จยุคสองเช่นกัน
เพียงแต่เรียกรวม ๆ
เป็นพระสมเด็จวัดระฆังโดยไม่แบ่งยุคหรือฝีมือช่างผู้แกะแม่พิมพ์
ดังนั้นในหนังสือที่บางกลุ่มพิมพ์ออกมาหลายเล่มจึงมีพระสมเด็จปนกันไปหมด
ทั้งยุคสอง ยุคสาม จนถึงยุคสี่ที่ไม่ทันสมเด็จโต
พระสมเด็จบางขุนพรหมที่หายไปก่อนเปิดกรุเหล่านี้
จะไขปริศนาเกี่ยวกับพระสมเด็จยุคสองเนื่องจาก
1.
เป็นพระที่พบในกรุเจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหมในพร้อม
ๆ กับพระสมเด็จที่เสมียนตราด้วงสร้างเพื่อบรรจุกรุ แต่ถูกนำออกมาจากกรุก่อน
จึงไม่ปรากฏเป็นหลักฐานให้เห็น
2.
อายุของพระอยู่ในยุคเดียวกันกับพระสมเด็จบางขุนพรหม
ตัดปัญหาเรื่องสร้างทีหลังไม่ทันสมเด็จโตได้
3.
คราบกรุที่เป็นแบบเดียวกับพระสมเด็จบางขุนพรหมบ่งชี้ให้เห็นว่ามาจากกรุเดียวกัน
4.
พระที่พบมีจำนวนมากพอที่จะจำแนกฝีมือช่างแกะพิมพ์ที่หลากหลายทั้งช่างราษฎร์ช่างหลวง
เนื้อพระมีความแตกต่างระหว่างเนื้อยุคสามที่มีสีขาวคราบเหลืองหรือขาวอมเหลืองจากน้ำมันตังอิ้ว
และเนื้อยุคสองสีขาวนวล ขาวออกเขียว หรือขาวออกน้ำตางอ่อนของน้ำอ้อยน้ำผึ้ง
ข้อมูลที่ได้จะนำไปสู่การศึกษาถึงการแบ่งพระยุคสองให้ละเอียดมากขึ้น
จากสมเด็จโตเริ่มสร้างพระสมเด็จในสมัยถูกรัชกาลที่ ๔
ตามตัวให้มาอยู่กรุงเทพประมาณปีพ.ศ. ๒๓๙๔
จนถึงยุคสามของหลวงวิจารณ์เจียรนัยในปีพ.ศ. ๒๔๐๙ ก็เป็นเวลา ๑๕
ปีที่มีการพัฒนาพิมพ์ทรงโดยตลอด
พระสมเด็จยุคสองแบ่งคร่าว ๆ
ได้อย่างน้อยสองช่วง
ช่วงแรก
เป็นพิมพ์ชาวบ้านที่ใช้น้ำอ้อยน้ำผึ้งเป็นสารเกาะยึด
เนื้อพระจะเก่าที่สุดเป็นแบบสีขาวอมน้ำตาลนิด ๆ พิมพ์ส่วนใหญ่ไม่สวย
ไม่สมส่วนตามลีกษณะพระพุทธรูป
ช่วงหลัง
มีการปรับปรุงพิมพ์ให้สวยงามขึ้น
ฝีมือช่างเริ่มพัฒนาจนเป็นต้นแบบพิมพ์วัดระฆังที่มีการสร้างเลียนพิมพ์ต่อ ๆ กันมา
เช่นพิมพ์วัดระฆัง ๑๐๐ ปี พิมพ์ล่ำหน้าใหญ่ที่ใส่กรอบอยู่หน้ากุฏิเจ้าคุณเที่ยงเจ้าอาวาสวัดระฆัง และพิมพ์ที่มีส้นแซมใต้ตัก
การแบ่งพระยุคสองข้างต้นเป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นจากการได้เห็นพิมพ์อันหลากหลายของพระชุดนี้
การศึกษาให้ลึกไปกว่านี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องจัดหมวดหมู่พระทั้งหมดตามพิมพ์ทรงและเนื้อให้ครบถ้วนเสียก่อนจึงจะพิจารณาโดยละเอียดได้
ถือเป็นข้อมูลอันมีค่าที่รอให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาร่วมกับผู้เขียนต่อไป
****************** (จบตอน ๑๑)******************
No comments:
Post a Comment