Tuesday, September 5, 2017

เรื่องใหม่วันนี้
๕ กันยายน ๒๕๖๐ : ไม่ห่วงคนขาย ห่วงคนซื้อ (ตอน ๑)

เศรษฐกิจยุคนี้น่าเป็นห่วงสำหรับคนเล่นพระ
จริงอยู่ธุรกิจหลายอย่างกำลังเดินไปได้ด้วยดี ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เฉพาะธุรกิจบางประเภท ระดับรากหญ้ายังมีปัญหาเรื่องหาเลี้ยงปากท้อง เป็นปัญหาเศรษฐกิจระดับล่างสุดที่เรียกว่า “จุลภาค” ในขณะที่ภาพรวมหรือ “มหภาค” ยังดีอยู่
แต่ดีเพราะรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าไปให้ตัวเลขดูดี
กว่าจะดีถึงตัวเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจขาดใจตายทนไม่ได้เสียก่อน โดยเฉพาะหลายธุรกิจที่มีแนวโน้มหดตัว อัดฉีดลงไปเท่าไหร่ ก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น

ตัวอย่างธุรกิจที่หดตัวจนอาจต้องปิดตัวลง ได้แก่
๑.    ธุรกิจสื่อ สิ่งพิมพ์
ทั้งหนังสือ นิตยสาร ทีวี ต่างทยอยปิดตัวไปหลายแห่ง ผลกระทบกับวงการพระเครื่องคือ นิตยสารพระเครื่องหลายฉบับหายไปจากแผง เหลืออยู่ไม่กี่ฉบับที่อยู่ได้โดยอาศัยทุนหนาและค่าโฆษณา พอหนังสือวางตลาดก็เก็บค่าโฆษณาได้ทันที ส่วนยอดขายที่เหลือไม่ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องรอ ๓,๔ เดือนกว่าผู้จัดจำหน่ายจะเคลียร์เงินให้
หนังสือชุด พระสมเด็จบางขุนพรหม (ที่หายไป) ของผู้เขียนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จนต้องชะลอการพิมพ์เล่ม ๓ ออกไปจากกลางปีเป็นสิ้นปี
๒.   ธุรกิจค้าปลีก
กระทบมาก เพราะการขายของออนไลน์ที่ไม่ต้องการหน้าร้านกำลังเข้ามาแทน คนซื้อเริ่มชินกับการสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต แล้วรอไปรษณีย์มาส่งถึงบ้าน ไม่ต้องฝ่าจราจรติดขัดออกไปซื้อตามห้าง
๓.    รถตู้ แท็กซี่
รถตู้รายได้ลดจากการลดจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยว และถูกมาตรการจัดระเบียบรถตู้ให้ย้ายสถานีจอดออกไปไกลจากที่เดิม ส่วนแท็กซี่ถูกรถตู้แย่งผู้โดยสารจากระยะทางไกลแถบชานเมือง ในตัวเมืองก็มีแอพแบบอูเบอร์ แกร็บ มาแย่งลูกค้าไปอีก
๔.    ร้านอาหาร
เมื่อรายได้ลด ร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านข้างทางหรือร้านบนห้างกระทบหมด ยิ่งร้านดัง อาหารอร่อย ก็มีคู่แข่งจากร้านอาหารออนไลน์ให้สั่งซื้อได้ อาหารญวณโทรศัพท์สั่งร้านดังในอุดรให้ส่งถึงบ้านทางไปรษณีย์ก็ยังได้

ที่เล่ามาเป็นสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยเท่านั้น
มองออกไปนอกประเทศ ยิ่งน่าเป็นห่วง
ประเทศเราเล็กนิดเดียว ถ้าประเทศใหญ่ ๆ มีปัญหา จะส่งผลกระทบถึงเราด้วย แบบที่เรียกว่า “เขาแค่จาม เราก็เป็นหวัดเสียแล้ว”

ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่ชูนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ซึ่งกีดกันการค้าโดยเสรี กำลังจะมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น อเมริกากำลังจะเปิดเจรจาการค้ากับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับตัวเอง เช่น จีน เม็กซิโก ผลกระทบอาจเป็นลูกโซ่ ลุกลามมาถึงประเทศไทยได้

มองไปไกลกว่านั้น ในอนาคตอีก ๒๐ ถึง ๓๐ ปีข้างหน้า ยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้นไปอีก
อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เราภูมิใจนักภูมิใจหนา กำลังถูกรถไฮบริดที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมันเข้ามาแทนที่ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันกำลังถูกห้ามขายในอนาคต
ราคาน้ำมันจะอยู่ไม่เกิน ๕๐ ดอลล่าร์ต่อบาเรลล์ ส่งผลให้พืชเกษตรที่สำคัญของเรา เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ราคาตกต่ำ

แต่ยังมีปัญหาที่น่ากลัวกว่านั้นอีก เพราะจะมีผลทำให้เศรษฐกิจของทั้งโลกตกต่ำได้กว่าครั้งวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำปี ค.ศ. ๑๙๒๙ (พ.ศ. ๒๔๗๒)

นั่นคือปัญหาของเสถียรภาพเงินสกุลดอลล่าร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา
คงต้องเล่าให้ฟังในบทความตอนต่อไป


........................................................................

No comments:

Post a Comment